
10 ข้อต้องรู้ก่อนผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
การ ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงเป็นขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับผู้ที่มีความต้องการในด้านการปรับเปลี่ยนเพศตามที่ตนเองรู้สึก ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเพศที่แท้จริง แต่ก็มีสิ่งที่ควรทราบและพิจารณาก่อนตัดสินใจ ผ่าตัดแปลงเพศ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัดสินใจนั้นปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง
1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศ
การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (Male-to-Female, MTF) มีการผ่าตัดหลายขั้นตอน เช่น การผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศหญิง การผ่าตัดยกหน้าอก รวมถึงการปรับรูปหน้า เพื่อให้ได้ลักษณะที่ตรงกับเพศที่ต้องการ การทำความเข้าใจในขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
2. ตรวจสอบสุขภาพและเตรียมตัวให้พร้อม
ก่อน ผ่าตัดแปลงเพศ ควรตรวจสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึงภาวะทางจิตใจเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมทั้งกายและใจ การเตรียมร่างกาย เช่น การลดการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ และการควบคุมโรคประจำตัว จะช่วยลดความเสี่ยงในระหว่างและหลังผ่าตัดได้
3. ศึกษาและเข้าใจในกระบวนการการสร้างอวัยวะเพศหญิง
การผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศหญิง หรือที่เรียกว่า Vaginoplasty มีหลายเทคนิค เช่น เทคนิค Penile Inversion หรือการใช้เนื้อเยื่อจากส่วนอื่นของร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสมของแต่ละเทคนิคเพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุด
4. เตรียมใจรับกับระยะเวลาฟื้นตัวหลังผ่าตัด
การ ผ่าตัดแปลงเพศ ต้องการระยะเวลาการฟื้นฟูที่ยาวนานและดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงแรก ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือกับความไม่สะดวกและความเจ็บปวดในช่วงหลังผ่าตัด ตลอดจนปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการพักผ่อนและฟื้นฟู
5. การรับฮอร์โมนเป็นส่วนสำคัญ
การรับฮอร์โมนเพศหญิงเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยในการปรับสภาพร่างกาย เช่น ทำให้ผิวพรรณเนียนขึ้น และลดการเจริญเติบโตของขน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนเพื่อติดตามผลและปรับปริมาณฮอร์โมนให้เหมาะสม
6. รู้ถึงผลกระทบต่อระบบการสืบพันธุ์และภาวะเจริญพันธุ์
การ ผ่าตัดแปลงเพศ จะมีผลทำให้ไม่สามารถมีบุตรทางชีวภาพได้ ดังนั้น ผู้ที่มีความต้องการที่จะมีบุตรในอนาคตควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเก็บรักษาสเปิร์มหรือการวางแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. เตรียมงบประมาณในการผ่าตัดแปลงเพศ
การผ่าตัดแปลงเพศมีค่าใช้จ่ายที่สูงและบางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการติดตามผลหรือแก้ไขในกรณีที่เกิดปัญหา ควรวางแผนการเงินให้พร้อมและเตรียมตัวเผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด
8. การดูแลรักษาและตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
หลังการผ่าตัด ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจช่องคลอดใหม่ การดูแลแผล และการรักษาสุขอนามัย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ของการ ผ่าตัดแปลงเพศ จะปลอดภัยและยั่งยืน
9. ผลลัพธ์ของการผ่าตัดและความคาดหวัง
การผ่าตัดแปลงเพศช่วยปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ตรงกับเพศที่ต้องการ แต่ผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเพศหญิงแท้ ความคาดหวังที่สมจริงและการทำความเข้าใจในผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จะช่วยให้รับมือกับผลหลังการผ่าตัดได้ดีขึ้น
10. เตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและสังคม
การผ่าตัดแปลงเพศไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจและการยอมรับทางสังคม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนจะช่วยให้สามารถปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
หลักเกณฑ์ของผู้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง: ข้อควรรู้และการเตรียมตัว
การ ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงเป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและจิตใจ ผู้ที่มีความต้องการแปลงเพศจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนและการตรวจเช็คหลายอย่างเพื่อให้มั่นใจว่ามีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ นี่คือหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่ควรทราบเพื่อเตรียมตัวเข้ารับ การผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง
คุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
อายุขั้นต่ำ 20 ปี
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ในกรณีที่อายุระหว่าง 18-20 ปี จะต้องมีผู้ปกครองเซ็นเอกสารยินยอมการ ผ่าตัดแปลงเพศ
ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี
- การเทคฮอร์โมนเพศหญิงเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด โดยแพทย์จะตรวจสอบความสม่ำเสมอของการใช้ฮอร์โมนเพื่อติดตามผลและความเหมาะสม
ใช้ชีวิตเป็นเพศหญิงติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี
- การใช้ชีวิตในบทบาทของเพศหญิงอย่างเต็มตัวเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เป็นการเตรียมตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ
มีความรู้สึกเป็นผู้หญิงตั้งแต่จำความได้
- สำหรับหลายคน ความรู้สึกเป็นผู้หญิงมักเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก หากคุณรู้สึกเป็นผู้หญิงอยู่เสมอ นั่นอาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่ชัดเจนในการตัดสินใจ ผ่าตัดแปลงเพศ
รังเกียจอวัยวะเพศชายของตนเอง
- การไม่รู้สึกสบายใจกับอวัยวะเพศของตนเองเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในผู้ที่มี Gender Dysphoria การรับการ ผ่าตัดแปลงเพศ สามารถช่วยลดความไม่สบายใจและความเครียดในส่วนนี้ได้
ได้รับการประเมินสุขภาพจิต
- ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดจำเป็นต้องผ่านการประเมินสภาพจิตใจและได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่าน โดยใบรับรองต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือนก่อนวัน ผ่าตัดแปลงเพศ
มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
- สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยในการ ผ่าตัดแปลงเพศ หากมีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคไต ควรปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
ตัวอย่างโรคและภาวะที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
- โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด หรือโรคไตชนิดรุนแรง
- โรคเรื้อรังที่อยู่ระหว่างการรักษา เช่น โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE)
- โรคติดเชื้อ เช่น ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบีและซี
- ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น หนังหุ้มปลายองคชาตตีบ รูเปิดท่อปัสสาวะต่ำกว่าปกติ อัณฑะค้างในช่องท้อง
- โรคไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบและหน้าท้อง
การ ผ่าตัดแปลงเพศ ไม่ได้หมายถึงเพียงการปรับเปลี่ยนอวัยวะเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผ่าตัดเสริมความงามและปรับลักษณะทางกายภาพอื่นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์สอดคล้องกับเพศใหม่มากยิ่งขึ้น นี่คือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศและสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ประเภทของการผ่าตัดแปลงเพศเพิ่มเติม
นอกจากการปรับเปลี่ยนอวัยวะเพศ การ ผ่าตัดแปลงเพศ อาจรวมถึงการผ่าตัดเสริมอื่นๆ เพื่อช่วยสร้างลักษณะทางกายภาพที่สอดคล้องกับเพศหญิง เช่น:
การปรับโครงสร้างใบหน้า (Facial Feminization Surgery)
- ลดโหนกคิ้ว เสริมโหนกแก้ม และปรับแต่งคางหรือกราม
การเหลาลูกกระเดือก (Tracheal Shave)
- เพื่อลดความโดดเด่นของลูกกระเดือก
การผ่าตัดเส้นเสียง (Voice Feminization Surgery)
- ปรับโทนเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลและเหมือนเสียงผู้หญิงมากขึ้น
การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation)
- เพิ่มขนาดหน้าอกเพื่อให้รูปร่างสมส่วน
การเสริมสะโพก (Buttock Augmentation)
- ปรับรูปทรงสะโพกให้โค้งมน
การปลูกผม (Hair Transplants)
- ช่วยเพิ่มแนวผมและลดลักษณะผมบาง
ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
ผู้ที่จะเข้ารับการ ผ่าตัดแปลงเพศ ควรมีคุณสมบัติดังนี้:
สตรีข้ามเพศ (Transgender Woman: TGW)
- ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ของ WPATH (World Professional Association for Transgender Health)
น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หากน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักให้อยู่ในระดับเหมาะสมก่อน
ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด
- เช่น โรค Hemophilia (ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด) หรือ Ehlers-Danlos Syndrome (ความผิดปกติของการหายของแผล)
มีความคาดหวังผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
- เข้าใจถึงข้อจำกัดและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
มีสุขภาพจิตดี
- ผ่านการประเมินจากจิตแพทย์ เพื่อยืนยันความพร้อมทางจิตใจ
อายุมากกว่า 20 ปี
- หากอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดแปลงเพศ
ทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยง แต่การ ผ่าตัดแปลงเพศ มีการเตรียมตัวและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยทั่วไปผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:
ผลลัพธ์ด้านความสวยงามและการรับความรู้สึก
- ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของศัลยแพทย์และลักษณะเฉพาะบุคคล
รอยแผลเป็น
- หากไม่มีประวัติแผลคีลอยด์ มักได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
ความเสี่ยงจากการผ่าตัด
- เช่น ภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล อาการชา หรือเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง (Skin Necrosis)
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว
- เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
เพื่อให้การ ผ่าตัดแปลงเพศ มีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมโรคประจำตัว และปฏิบัติตามขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างเคร่งครัด
การ ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรอบคอบ การศึกษาข้อมูลล่วงหน้าและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการมากที่สุด
ขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
กระบวนการ ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่:
1. การสร้างอวัยวะเพศภายนอกให้เหมือนผู้หญิง
ประกอบด้วย:
- แคมนอก (Major labia) และ แคมใน (Minor labia)
- ท่อปัสสาวะ
- คลิตอริส (Clitoris) ที่เป็นจุดรับความรู้สึกทางเพศ
2. การสร้างช่องคลอดเทียม
การสร้างช่องคลอดเทียมมีหลายเทคนิค โดยแต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน แพทย์จะช่วยแนะนำและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย
เทคนิคการสร้างช่องคลอดเทียม
เทคนิคการใช้ผิวหนังองคชาตม้วนกลับ
- เทคนิคมาตรฐานที่ใช้ผิวหนังจากองคชาตสร้างผนังช่องคลอด
เทคนิคใช้ผิวหนังจากองคชาตร่วมกับถุงอัณฑะ
- ใช้เนื้อเยื่อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความลึกและความสมจริง
เทคนิคต่อลำไส้ (ใช้ลำไส้ใหญ่)
- ใช้ลำไส้ใหญ่สร้างผนังช่องคลอด มีข้อดีคือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยธรรมชาติ
เทคนิคใช้ผนังหน้าท้องร่วมกับผิวหนังองคชาต
- เทคนิคทางเลือกสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้เนื้อเยื่อองคชาต
การขยายช่องคลอด
การขยายช่องคลอดหลังผ่าตัดเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีแรก เนื่องจากแผลผ่าตัดอาจหดตัวได้
ช่วง 1 ปีแรก:
- ต้องขยายช่องคลอดทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที
- ใช้แท่งขยายช่องคลอดเริ่มจากขนาดเล็กและค่อยๆ เพิ่มขนาด
- ลดความถี่เหลือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้แท่งขนาดใหญ่ที่สุด
ตัวช่วยเสริม
- ใช้ซิลิโคนแบบนิ่มขณะนอนหลับ เพื่อช่วยรักษาความกว้างของช่องคลอด
การเตรียมตัวก่อนและหลังการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์
- ผู้ที่จะเข้ารับการ ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง ต้องผ่านการประเมินทางจิตใจและได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์
พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด
- วางแผนการรักษาและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- การดูแลตัวเองก่อนและหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น หยุดสูบบุหรี่หรือควบคุมโรคประจำตัว
ความสำคัญของการตรวจสภาวะจิตใจก่อนผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
การตรวจสุขภาพจิตก่อน ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะการเปลี่ยนแปลงร่างกายที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถย้อนกลับได้ การปรึกษาจิตแพทย์ช่วยให้ผู้รับการผ่าตัดมั่นใจว่ามีสภาพจิตใจพร้อม การประเมินนี้ยังช่วยตรวจคัดกรองโรคทางจิตเวชและช่วยเตรียมตัวสำหรับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและความกดดันที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการ ผ่าตัดแปลงเพศ
ในประเทศไทย ผู้ที่ต้องการ ผ่าตัดแปลงเพศ ต้องผ่านการประเมินจากจิตแพทย์ 2 ท่าน และใช้ชีวิตในบทบาทเพศใหม่อย่างน้อย 1 ปี หากครบระยะเวลานี้แล้วและยังคงต้องการ ผ่าตัดแปลงเพศ จิตแพทย์จะส่งต่อเพื่อเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดตามลำดับ
การ ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นกระบวนการที่สำคัญ ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวอย่างดี ทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สำเร็จตามที่คาดหวัง
การผ่าตัดแปลงเพศนั้นเป็นการผ่าตัดใหญ่ และเป็นศัลยกรรมที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ควรปรึกษาแพทย์และผู้ปกครองร่วมกับการตัดสินใจ เพราะต้องมีการดูแลตัวเองหลังทำ และการได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากคนรอบข้าง จะทำให้สามารถฟื้นฟูและปรับตัวให้เข้ากับเพศสภาพใหม่ได้ดีขึ้น
0 Comments